|
||||||
อรุณรุ่ง – อาณาจักรรามฯ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ขับร้อง ลุพุทธศักราชมหาราชพ่อขุนรามคำแหง ปลดแอกเผ่าไทยมาสู่เอกราช ได้ประกาศชาติอิสระในสุวรรณภูมิ อาณาจักรามฯยามอรุณ คุณธรรมของพ่อขุนฯอุ่นใจ เสียงระฆังดังขานกังวาน เป็นสัญญาณความยุติธรรมสดใส ปวงประชาทั่วไทย เดือดร้อนใจทรงช่วยเหลือทุกครา แขวนระฆัง หน้าพระโรงชัย มีทุกข์ภัยให้ช่วยก็ให้บอกมา ยุติธรรมทั่วหน้า ปวงประชามีสุขแสนสบายใจ ชาวนาอยู่นาทำมาหากิน บนพื้นดินอาณาจักรรามฯอำไพ ประมงหาปลาชาวไร่ทำไป ไม่ยากไร้ สำราญสุขใจทั่วหน้า เห็นดวงดาวพราวฟ้าเมืองกรุง อรุณรุ่ง อาณาจักรรามฯงามตา เราภูมิใจยิ่งกว่า ใฝ่ฝันหาแดนอาณาจักรรามฯ ขวัญจิตมิตรรามฯ บุษยา รังษี - เดชา ศิริเจริญ ขับร้อง (ช) เหล่ารามฯรักร่วมรวมหนุนบุญบารมี ใฝ่รักศักดิ์ศรีแต่ดีพร้อมพลีให้ (ญ) หวังทุกมวล ถ้วนเทอดบรรเจิดใจ รามฯนี้ดียิ่งใหญ่ เราจารึกให้ไกลสมจริง ที่นี่ เรานี้ เราคือรามฯ หนึ่งในสยาม ฝากนามนี้ให้ดียิ่ง (ช) เลือดรักเราเข้มข้นดลใจสิง ถึงนานไปใจจะยิ่งนามนี้ไม่มีลา (ญ) ทั่วสยามชนรามฯเราอยู่ยั้ง (ช) ขอคุณหนุนตั้งติดตัวไร้ชั่วทั่วหน้า ขวัญเอยขวัญจิต มิ่งมิตรเป็นนักศึกษา (พ) ขอให้เลิศเลอค่า เป็นชาวฟ้ามาพรหม
อาลัยรามฯ ลาแล้วลาก่อน ลาฟ้ารามฯ ลาถิ่นที่เคยดูงาม ลาขวัญรามฯนามไกล เคยได้พักพิง เคยซึ้งในน้ำใจ ผองเพื่อนมากมาย รักและห่วงใยกันและกัน รามฯแม้ไกลห่างยังอาลัย ใจสั่นหวั่นหวั่นวาบไหว ยังฝังใจจำมั่น เคยเรียน เคยร่ำ จำฝืนห่างร้างพลัน เหลือจะเสกสรร จาบัลย์วิโยคโศกใจ พ่อขุนฯ เป็นบุญลูกมาศึกษา เพื่อเกียรติแห่งปริญญา หมายนำมา เอื้อมทางก้าวไกล ขอพร...จากพ่อให้มีโชคชัย อยู่แห่งหนหล้าไหน ยังฝากใจถวิล ลาแล้วลาถิ่นแดนดินรามฯ หมายมุ่งผดุงสยาม เรืองพระนามระบิล น้ำใจของพ่อ เคยเลี้ยงหล่อไหลริน ผองลูกดื่มกิน ไม่ลืมรักถิ่นแดนรามฯ
แสงทองที่รามฯ พรชัย สุนทรพันธ์ ขับร้อง ชีวิตแสงทองเมื่อเริ่มเฉิดฉาย ยิ่งมีความหมาย เมื่อมาสู่รามฯ ผู้คนแดนไทย ภายในสยาม ต่างมาที่รามฯ ด้วยความภูมิใจ ความหวังของเรานั้นอยู่ใกล้มือ เราต้องฝึกปรือวิชาก้าวไกล พวกเราชาวรามฯ จะต้องร่วมใจ อุทิศเพื่อไทย เพื่อปวงประชา ซึ่งเป็นความหวัง เป็นพลัง กำลังของชาติสืบมา เราตั้งปณิธานเถิดหนา ได้ฉายาสนองคุณชาติไทย เกียรติของชาวรามฯจะต้องระบือ เป็นที่เลื่องลือ ชื่อเสียงเกริกไกร ตามรอยพ่อขุนฯ หนุนนำจิตใจ ให้ไทยยิ่งใหญ่รุ่งเรือง ใต้ฟ้ารามฯ บุษยา รังษี ขับร้อง (ญ) ฟ้ารามฯยามเช้า หนุ่มและสาวชาวรามฯ แย้มยิ้มพริ้มงาม ตามประสาร่าเริงใจ กราบกรานพ่อขุนฯ เป็นบุญขอโชคพรชัย ลูกมา หาความรู้ใหม่ หวังก้าวหน้าไกล ได้ดี (ช) ฟ้ารามฯยามสาย ลูกใช่หาย หน้าหนี ล้วนมีหน้าที่ มิเคยรอรา ช้าอยู่ดูแคลน เร่งเรียนเพียรหา บรรดา วิชาทั่วแดน ตั้งใจ ให้ซึ้งถึงแก่น แสนยากเพียงใด ไม่หวั่น (ญ) ฟ้ารามฯ ยามเที่ยง ส่งสรรพเสียงสุขสันต์ ถึงคราพบกัน ตอนกลางวันพักผ่อนหย่อนใจ จัดแจงข้าวปลา ซื้อหามา มากมาย โจษจรรสารพันไม่หน่าย เพื่อนหญิงเพื่อนชายรีบมา (ช) ฟ้ารามฯยามบ่าย ตะวันฉายส่องพา ร้อนแรงแสงกล้า พักตามชายคา หนีแดดแผดเผา เรื่องเรียน เรื่องงาน สารพันสรรนำมาเล่า ได้เวลารีบเรียนเพียรเอา เพื่อชีวิตเรารุ่งเรือง (ญ) ฟ้ารามฯยามเย็น แดดอ่อนลมเย็นทั่วเมือง มิตรมองนองเนือง แสงเรืองรำไร แสงใต้ส่องงาม กราบลาพ่อขุนฯ ไม่ลืมพระคุณทุกยาม จวบตะวันผันคืนฟ้ารามฯ ลูกพ่อ มาตามสัญญา (พร้อม) ฟ้ารามฯยามค่ำ ขับกลอนลำนำกล่อมลา ขวัญรามฯ งามสง่า นั่งชมดาราเหนือแท่นเนินทอง ห่วงใดพ่อจ๋า พ่อจงนิทราเดือนส่อง รุ่งอรุณฟ้ารามฯงามผ่อง ผองลูกจะมาเหมือนเคย เด่นพระนาม ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล ขับร้อง ต่างรื่นรมย์ ร่มเย็น เด่นพระนาม เลือดน้ำเงินทอง ผองรามฯสัมพันธ์จิตใจ เมื่อสุขสม ชื่นชม สมฤทัย ต่างสามัคคี มีไมตรีเหลือคณา *โอ้องค์พ่อขุนฯ ประเสริฐเลิศล้ำค่า ศูนย์รวมชีวา ประชาชาวรามฯ เพื่อเป็นศรี แห่งแคว้นทั่วคาม สมญานาม พ่อขุนรามฯ นามขจร (ซ้ำ)
จากใจสู่ใจ ชรัส เฟื่องอารมณ์ ขับร้อง ใจ สู่ใจ ด้วยรักและผูกพัน บังเกิดท่วมท้น เต็มดวงใจ ใจสู่ใจ ประสานใจ จับมือเชื่อมความสัมพันธ์ ตาสบตา ก็ซึ้งใจ สีเลือดในกายเหมือนกัน เปี่ยมศักดิ์ศรี คือน้ำเงินและทองเลอล้ำค่า ชะลอมลายประสานรักมั่นคง เรารวมพลังเพื่อมุ่งหวังให้ชื่อ เสียงระบือ เกริกไกร นาม รามคำแหง คือถิ่นอันยิ่งใหญ่ ยั่งยืนคู่ไทย ตราบนิรันดร์ ใจสู่ใจ ด้วยรักและผูกพัน บังเกิดท่วมท้นเต็มดวงใจ ใจสู่ใจ ประสานใจ จับมือเชื่อมความสัมพันธ์ ตาสบตา ก็ซึ้งใจ สีเลือดในกาย เหมือนกัน เปี่ยมศักดิ์ศรี คือน้ำเงินและทอง เลอล้ำค่า รามฯอยู่คู่ฟ้า ตลอดกาล รามฯ รอ สุชาติ ชวางกูร ขับร้อง จำจากไกลให้อาวรณ์สะท้อนจิต พลันหวนคิดถึงรามฯในความหลัง เสียงลมลู่ สนเอนไหว เคยได้ฟัง ใต้ร่มไม้ใบบัง เคยนั่ง เคยนอน มาบัดนี้ ปีเดือนผ่านเลือนลับ ฟ้าพยับเมฆหม่นปนสีอ่อน เหมือนจะรู้วันพราก จำจากจร สุดอาวรณ์ ยิ่งแล้ว โอ้แก้วตา ถึงอยู่ห่าง ต่างถิ่น แผ่นดินไหน แต่ดวงใจ จะนึกถึง คะนึงหา น้ำเงินทอง คล้องฤดี ชั่วชีวา ชีพไม่ดับ จะกลับมา สู่ฟ้ารามฯ ขอให้เธอระลึกถึง ตรึงจิตไว้ จะอยู่ใน หรือนอกแคว้น แดนสยาม สายรุ้งทาบขอบโค้ง ทุกโมงยาม ฟากฟ้ารามฯ นี้หนอ ยังรอเธอ จากรามจำลา พรชัย สุนทรพันธุ์ ขับร้อง จำ..จากรามฯ ด้วยน้ำตานอง ใจ..หม่นหมอง ร่ำร้องอาดูร เคย อยู่รามฯ ได้ความอบอุ่น สุขใจ ละไม ละมุน จากพ่อขุนฯ มิ่งขวัญ จำ..จากรามฯ ใครถามอาลัย มา..จากไหน ไม่เห็นสำคัญ เรา ลูกรามฯ พ่อขุนฯเดียวกัน ร่วมสามัคคีจำนรร อยู่ในบ้าน สุขใจ โอ้..ละหนอ... พ่อพายเรือมาส่ง ปล่อยเราข้ามลง ตรงฝั่งที่มีน้ำใส ฝ่าคลื่นลม พายุ โหมพัดเข้าใส่ ประคองให้เราพ้นภัย เริ่มชีวิตใหม่ อีกครา จำ.. จากรามฯ ข้ามหัวเรือไป ตา หยาดไหล ด้วยสายน้ำตา ยก ฝ่ามือ ขึ้นแทนคำลา กราบพ่อขุนฯตรงหน้า พ่อจ๋า...ลูกจะไม่ลืม....
รามรุ่งฟ้า ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล ขับร้อง ฟากฟ้า คือถิ่นที่อาศัยแห่งอาทิตย์จันทรา และดาราน้อยใหญ่ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ถึงยามทิวามีสุริยาส่องแสง แจ่มจ้าและร้อนแรง ทั่วไป ทุกแห่งไม่มีใดแข่งได้เลย ค่ำลงมีแจ่มจันทร์ให้เชย เยือกเย็นแสงจันทรา เย็นนัยน์ตาเหลือเอ่ย น่าเชยชวนฝัน ครั้นยามคืนแรมดาววาวแวมงามเฉิดฉันท์ ตะวันและดวงเดือน อีกดาวนับร้อยพัน อิงอกฟ้านั้นตลอดไป ฟากฟ้าก็เช่นเดียวดุจรามฯ เอกแห่งวิทยาคาม ถิ่นรามฯ ความงดงามเอื้อชนทั่วไทย ฟ้ามีนัยน์ตา มองบาปบุญชาวโลกไซร้ ให้ความหวังทั้งปวง เกี่ยวพันยิ่งใหญ่ทุกชีวิตได้ดำรง ส่วนรามฯนั้นเอื้อความมั่นคง สร้างให้ทั้งปัญญา พาชีวาสูงส่ง ยิ่งยงอาจิณ รั้วรามฯ เรามีดวงปัญญาไม่หมดสิ้น ตราบใดยังมีฟ้า ย่อมมีรามฯโสภิณ คงคู่ฟ้าดินชั่วนิรันดร์ เราพยายาม แพทย์หญิงพันทิวา สินรัชตานันท์ – สุชาติ ชวางกูร และนักร้องวงดนตรีสากล ม.ร. (ญ) เชิญธงรามฯ ชูสู่ลม พลิ้วปลิวเด่น เป็นกำลังใจ เมื่อได้เห็นและมอง ยามเราชิงชัย ใต้ธงนี้ช่ำชอง น้ำเงิน และทอง ของเหล่าลูกรามฯ (ช) งานก็เป็นงาน แต่วันนี้เราเล่น เชิญธงรามฯ เป็นเกียรติยศ งดงาม เชิงกีฬา ลือฝากชื่อไว้ให้รามฯ ระบือลือนาม เชื้อชาติชาตรี (ญ) ยามเรามีชัย ไล่โรมรุกกระหน่ำ ออมกำลังแรง เมื่อเพลี่ยงพล้ำไว้ท่า (ช) เราไม่เคยยอมให้ใครเขาย่ำยี รุกรับเต็มที่ มิหวั่นเกรงใคร (พ) เราพยายามด้วยความหวังดังจิต เราพยายามด้วยความคิดหมายชัย เราพยายามด้วยควารมพร้อมฉับไว สมเป็นเชื้อไข ขุนรามคำแหง
ขวานทองของไทย เพ็ญศรี พุ่มชูศรี – พราวตา ดาราเรือง รังสรรค์ แสงสุข – ธีระ ศรีธรรมรักษ์ และนักร้องวงดนตรีสากล ม.ร.(ช) โอ้มหาอาณาจักรไทย เคยยิ่งใหญ่ไพศาล แหลมทองที่เป็นรูปขวาน แต่โบราณให้อักโข (ญ) หดจนเหลือเพียงประเทศไทย ใจมิอาจ ยะโส ขวานทองพ่อขุนฯเล่มโต เหลือเพียงขวานไทย (ช) แต่บ้านพี่เมืองน้อง (ญ) แต่บ้านพี่เมืองน้อง (ช) ก็ยังคล้องหัวใจกับใจ (ญ) ก็ยังคล้องหัวใจกับใจ (ช) ไทยรักเพื่อน เพื่อนรักไทย (ญ) ไทยรักเพื่อน เพื่อนรักไทย (ช) ไม่เคยเปลี่ยนแปลง (ญ) ไม่เคยเปลี่ยนแปลง (ช) ต้องจารึกและผนึกนาม พ่อขุนรามคำแหง ขวานทองเกิดจากเรี่ยวแรง แห่งดวงใจให้ลูกหลาน (ญ) ลูกพ่อขุนรามคำแหง แม้ใครเฉือนแบ่งรูปขวาน ขอเอาชีพเชื่อมประสาน รักษาขวานไทย (พ) เหมือนใจรักราม รักษาขวานไทย เหมือนใจรักรามฯ รามที่รัก เดชา ศิริเจริญ ขับร้อง ถิ่นรามฯของเรา อันเป็นที่รัก ซึ้งตรึงใจยิ่งนัก ตราบชั่วชีวา ด้วยรามฯ หล่อหลอมดวงฤดี ให้รวมเป็นสีเดียวกัน น้ำเงินและทอง ความเป็นลูกพ่อขุนฯ ฝังลึกดวงจิต ที่ได้ร่วมชีวิต รักมั่นปรองดอง สามัคคีและเสียสละ สถิตย์ใจครอง เพื่อรามฯทั้งผอง สูงเกียรติศักดิ์ศรี ก้าวไป แคว้นใดให้ความประเทือง สมดังคำลือเลื่อง สุดไกลธานี ลูกรามฯ ต่างพร้อมความดี เพื่อให้เป็นศรี แก่รามฯสมนามเกริกฟ้า ยามเมื่อต้องจากไป หวลคิดคำนึง ด้วยหัวใจสุดซึ้ง ถึงรามฯทุกครา ใจตื้นตันที่ต้องลา จากสถานศึกษา หลั่งรินออกมา น้ำตาอาลัย รามเริงชัย เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ขับร้อง ถิ่นรามฯเรานี้เสรีสำรวล ประมูลประมวล วิชาปัญญาเพื่อชน เพียรหาวิชาอาภรณ์สู่ตน เกียรติงามล้ำล้น ทุกคนมุ่งหน้าสู่รามฯ สล้างสร้างสรรค์ สัมพันธ์ทวี ประจักษ์ศักดิ์ศรี เสรีเรามีทุกยาม ใฝ่หาวิชา ต้องมาที่รามฯ ถิ่นเรืองโรจน์นาม ถิ่นรามฯงดงามชวนชม มีอิสระ มีพันธะ รับใช้สังคม ศรัทธานิยม ตลาดวิชา รั้วรามฯ สร้างคน คนสร้างชาติพา ชาติไทยรุดหน้า ด้วยเราผองชาวรามฯ เกียรตินามพ่อขุนฯ ค้ำจุนผองเรา ตระการนานเนาว์ สมนามรามฯโรจน์งดงาม รามฯทุกหัวใจรักใคร่ทุกยาม มิ่งขวัญสยาม นามนี้คือ “รามเริงชัย”
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี – พราวตา ดาราเรือง รังสรรค์ แสงสุข – ธีระ ศรีธรรมรักษ์ และนักร้องวงดนตรีสากล ม.ร.(สร้อย) ยุคพ่อขุนฯนี้ดี กาลเวลากี่ร้อยปี ศิลาจารึกมีให้เห็น “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ไม่ปวดร้าวลำเค็ญ สมัยนี้ รามคำแหงจึงเด่น (ซ้ำ) เช้าเย็นขยันเรียน (ซ้ำ) เพียรสร้างตนเอย (ช) พ่อขุนรามฯ รวมน้ำใจ ชาวพารา ต่างมุ่งหน้า สร้างแดนไทย ให้เกิดผล (ญ) รักงานก่อน ค่อยรักกัน รับแยบยล รามฯทุกคน มีสวรรค์ ในครัวเรือน *(สร้อย)............ (ญ) “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” คำศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ สะกิดใจ ให้จำเตือน (ช) จนไม่นาน งานสร้างตน คนรักเพื่อน รักไม่เลือน เพราะมีเพื่อน เป็นคู่ชีวิต...เอย (ซ้ำ)
ลาแล้วรามฯ บุษยา รังสี ขับร้อง
จำลาลาแล้ว ลาแล้วถิ่นราม ฟ้าสีคราม กลับดูหมองหม่นเศร้าใจ ลาลานพ่อขุนพระรูปประไพ เกื้อกูลหนุนให้ ลูกรามสว่างวิชา บัวแดงไสวแลแล้วให้หมอง กระถินณรงค์กลีบโรยเหลืองหล่นเต็มตา มองทิวมะพร้าวแสนเศร้าอุรา สนก็บอกว่าโบกใบลาราม อาลัยสุดแสนดินแดนหัวหมาก จำจากร้างไกล โถดูใกล้เมื่อได้แนบลา ถึงไกลใจอยู่ด้วยความคิดถึงถิ่นราม รามของเราระบือลือฟ้า ยังจำรอยยิ้มของมิตรสหาย ทั้งหญิงชายเมื่อจำจากพรากมา มันเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตา น้ำตานองหน้า ขอลาแล้วรามฯ ขอลา.......แหล่งเรียนวิชา ที่ข้ารักไปก่อนเอย
|
||||||